วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ผีตายห่า

ผีตายห่า

ผีตายห่า หรือ ผีห่า เป็นชื่อเรียกของคนที่ตายด้วยโรคห่า แต่ปัจจุบันคนมักนำมาพูดรวมกัน เป็นคำว่า ตายห่าตายโหง บางคนไม่เข้าใจเลยคิดว่าเป็นการตายแบบเดียวกันไป นอกจากนี้คำว่า ตายห่า ยังเป็นคำอุทานด้วย

ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีโรคห่า ระบาดในเขตพระนคร ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ศพของคนที่ตายมีมากกว่าที่วัดจะรองรับได้ คนจึงนำเอามาทิ้งไว้ตามลานวัดบ้าง แม่น้ำลำคลองบ้าง วิญญาณของคนที่ตายก็ไม่สงบ เพราะไม่ได้รับการทำพิธีศพที่ถูกต้องตามศาสนา เลยยังคงปรากฏกายให้ผู้คนได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป

ผีตายห่า เป็นคำเรียกคนที่ตายด้วย โรคห่า หรืออหิวาตกโรค ในสมัยโบราณ ซึ่งหากหมู่บ้านหรือเมืองไหนเกิดโรคร้ายชนิดระบาดแล้วล่ะก็เป็นเบือเลยทีเดียว เพราะในยุคก่อนนั้นการแพทย์ยังไม่ค่อยเจริญเหมือนปัจจุบันนี้บางตำราว่าหากมีการตายด้วยกาฬโรค ก็เรียกว่าตายห่าเหมือนกัน

อีกตำราหนึ่งกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของคำนี้ไว้ว่า เมื่อวิญญาณของคนที่ตายด้วยโรคห่า มาหลอกหลอนผู้คน จึงมีคำเรียกผีชนิดนี้ว่า ผีตายห่า คำว่า ผีห่านั้น หมายถึงผีที่ดุร้ายหรือมีความเลวร้ายไม่ผิดอะไรกับโรคห่า ต่อมาอาจจะมีผู้เห็นว่าผีตายด้วยโรคห่าแทนที่จะไปสู่สุคติกลับมาหลอกหลอน ผู้คนไม่ผิดอะไรกับผีร้าย อย่างผีห่า ความหมายของผีตายห่ากับผีห่า ความหมายของผีตายห่ากับผีห่าก็เลยผสมกลมกลืนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานซึ่งยังสรุปอะไรไม่ได้นัก

ปัจจุบัน คำว่า ตายห่า ก็ใช้พูดกันนั้นไม่ได้หมายถึงการตายด้วยโรคห่าอีกแล้วแต่เป็นคำติดปากที่นิยมใช้กันพร่ำเพรื่อ หรือคำอะไรที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็นิยมเอาคำว่าห่านี้มาต่อท้าย เช่น หนาวตายห่า ร้อนจะตายห่า หรือยุ่งตายห่า ซึ่งเป็นคำไม่ค่อยสุภาพ

จาก
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://www2.asis.co.th/kookkookkuu/index.php?p=history2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม