วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

รู้จักกับผีกันดีกว่า

รู้จักกับผีกันดีกว่า

หากมีใครถามว่า ในตระกูลผีด้วยกันนั้น กลัวผีชาติไหนมากที่สุด ก็คงตอบโดยไม่ต้องคิดว่า ผีญี่ปุ่นน่ากลัวติดอับดับท็อปเทน ไอ้ที่ผิวซีด ๆ ขาว ๆ ผมยาวยาว ๆ หน้าตาเฉยเมย บอกบุญไม่รับ จับอารมณ์เธอไม่ค่อยถูกนึกอยากจะโผล่ก็โผล่ดิ้อๆ ผู้พิสมัยการดูหนังกลางแปลงแต่ดูไปกี่ครั้งกี่เรื่องก็หลอกเหมือนเดิม
ผีจีน ก็เอาแต่กระโดด จนกลัวกระดูกสะบ้าจะหลุดฟาดหน้าคนดู ถ้าไม่รีบชิงไปเกิดก่อนละก็ มีหวังได้โรคไส้เลื่อนแถมพกมาอีกหนึ่ง น่าเป็นห่วงนะนี่
พูดไป ก้อเหมือนลำเอียงด้วยอาการชาตินิยมเอามากๆ ตรงที่ชอบผีไทย เพราะหลอกได้น่ารัก น่าชัน ดูผีชาติไหนๆ ก็ไม่ครื้นเครงเท่าผีไทยหรอก โอ่งใบเดียวผลัดกันลงไปซ่อนตัวระหว่างผีกับคนได้แต่ต้นจนบัดนี้ก็ยังจบไม่ลง หนังบ้านผีปอบ ถ่ายทำมา 10 กว่าภาคแล้ว แต่ผีกับคนยังวิ่งแรงเหลือเฟือ
ผีไทยแบ่งแยกได้หลายสาขา หลายตระกูล เอาเป็นว่าขอเป็นไก๊ด์ผี คือพาพ่อแม่พี่น้องไปแนะนำให้รู้จักกับผีอย่างใกล้ชิด แล้วท่านจะรักผีไทยมากขึ้นกว่าเดิม

“ผี” คือสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นตัวได้ แต่ถือว่ามีฤทธิ์อำนาจเหนือธรรมชาติที่แบ่งได้เป็นสองพวกใหญ่ๆ เป็นผีดีเสียพวกหนึ่ง กับผีร้ายพวกหนึ่ง แต่เดิมเรียกผีนิสัยดีว่าผีฟ้า เพราะคิดว่าสถิตอยู่บนฟ้า ภายหลังเรียกว่า เทวดา ตามคติความเชื่อของพราหมณ์ ผีประเภทเทวดานี้มีหลายวรรณะ โดยเริ่มจากผีฟ้าที่เกิดจากการยกย่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพ ผีฟ้าพญาแถน จึงเป็นผีบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่

นิวาสสถานของผีมีอยู่ทั่วไป ทั้งบนฟ้าที่เรียกผีฟ้าแล้ว ก็มีในน้ำ บนดิน ในป่า ในถ้ำ ตามเทือกเขาต่างๆ

ที่สถิตอยู่ตามธรรมชาติ เป็นเทวดาชั้นต่ำนั้น เรามักเรียกว่า เจ้า เสียส่วนใหญ่ หากสถิตตามต้นไม้ ก็เป็น เทพารักษ์ หรือ รุกขเทวดา นับเนื่องเป็นชนิด ผีเจ้าป่า ผีเฝ้านาของอีสาน จัดเป็น ผีเจ้าที่ เรียกว่า ผีตาแฮกถ้าดูแลเทือกเขาขนาดใหญ่ก็เรียกว่า ผีเจ้าเขา สุดแต่ว่าจะสิงสถิต และเป็นใหญ่อยู่ที่ใด

ผีชั้นดีที่อดีตเคยเป็นบรรพบุรุษ อาจเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เคารพของครอบครัว ตายแล้วสิงอยู่ในบ้านเรือน เป็นผีตระกูลผีบรรพบุรุษ เรียกว่า ผีปู่ย่าตายาย ถ้าสิงที่เสาเอกของเรือน ก็เรียกว่า ผีบ้านผีเรือน คนอีสานเรียกผีชนิดนี้ว่า ผีด้ำ คนไทยใหญ่ เรียกว่า ผีล่ำ เราจึงมีสำนวน “ผีช้ำด้ำพลอย” อันหมายถึง ถูกผีอื่นทำร้ายแล้วยังไม่พอ ยังถูกผีเรือนของตนซ้ำเติมเข้าไปอีก อะไรจะโชคร้ายปานนั้น

ผีวีรบุรุษ เป็นผีบรรพบุรุษอีกประเภทที่เคยเป็นคนเก่งกล้า มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติบ้านเมือง มีคนนับถือกราบไหว้ ซ้ำยังเกรงกลัวอำนาจของท่าน ผีชนิดนี้ จึงมีผู้ปลูกศาล และเชิญให้มาอยู่อย่างสมฐานะ

ถ้าเป็นผีบรรพบุรุษของหมู่บ้าน ทางเหนือเรียกว่า ผีปู่ย่า อีสานเรียกว่า ผีปู่ตา ชาวบ้านจะสร้างศาลหรือหอผีประจำหมู่บ้านไว้ปากทางที่จะเข้าหมู่บ้านให้เห็นชัดเจน

หากเป็นผีมีระดับ ชั้นผู้ใหญ่ มีศักดิ์เป็นผีประจำที่เมือง ก็เรียกกันว่า ผีบ้านผีเมือง เป็นผีคู่บ้านคู่เมืองมาแต่ดั้งเดิม เป็นผีเชื้อสายของสกุล บางทีเรียกผีเสื้อ เช่น ผีเสื้อบ้าน เป็นผีประจำบ้าน ผีเสื้อเมือง ก็เป็นผีประจำเมือง เรียกไปเรียกมากลายเป็น พระเสื้อเมือง ในที่สุด ที่สถิตคือศาลหลักเมือง จึงเรียกอีกอย่างว่า ผีหลวงด้วย

คราวนี้ก็เป็นผีชั้นเลวล่ะค่ะ บางทีเรียกว่าภูตผีหรือปีศาจ อาจเป็นผีเกะกะ คนจึงกลัว ส่วนใหญ่ต่ำศักดิ์กว่า รากษส และอสูรอื่นๆ บางตำรากล่าวว่าเกิดจากการสร้างของพระพรหม ที่อยู่ของพวกนี้คือ แดนปีศาจโลก

ช นิดของผีชั้นเลวมีมาก ประเภทผีจะกละ พวกเดียวกับ ผีปอบ ผีกระสือ ที่ชอบสิงสู่อยู่ในร่างคนเป็นๆ เพื่ออาศัยร่างดื่มกินอาหารที่ตนชอบ กินเพลิน จนเลยไปถึงตับไตไส้พุง และของโสโครก จนเจ้าของร่างทรุดโทรมจนตายในที่สุด ถ้าไม่ขับไล่ด้วยคาถาอาคมออกจากร่างไปก่อน ถ้าหากเป็นเพศชายกลับเรียก ผีกระหัง หรือ ผีกระหาง เขาว่ามีหางที่ก้น แต่ใช้สากต่างหาง เอากระด้งทำเป็นปีกบินหากินเวลากลางคืน อีสานเรียกว่า ผีปอบ เหนือเรียกว่า ผีกะ คงตัดคำมาจาก ผีจะกละ คือกินไม่เลือก เขมรกลับเรียก ผีฉมบ ผีชมบ หรือ ผีทมบ โดยหมายรวมไปถึงผีผู้หญิงชาวเขมรที่ไปตายในป่า และสิงสู่อยู่ในบริเวณที่ตายนั้นด้วย จะเห็นเป็นเงาๆๆ ไม่ทำอันตรายใคร เขาว่ามาอย่างนี้นะคะ แต่คงไม่มีใครสมัครใจเจอ จริงไหมคะ

ที่ชอบสิงอยู่ในตัวคนอีกชนิดหนึ่งของอีสาน คือ ผีเป้า เมื่อเจ้าของหลับ จะมีแสงสว่างแบบผีกระสือแต่จุดประสงค์ คือออกไปกินมูลสุนัข ถอดเฉพาะหัวกับตับไตไส้พุง

ผู้รู้เรื่องเวทย์อาคมแถวอีสานและเหนือ ที่ชอบเล่นว่านยา มีฤทธิ์ร้ายแรงแล้วชอบทำผิดขนบ ผิดธรรมเนียม หรือผิดครู จะกลายเป็น ผีโพง หรือ ผีโพลง สามารถสืบต่อกันทางน้ำลาย ชอบออกหากินตอนกลางคืน ยามฝนตกพรำ ๆ กินของโสโครกตามใต้ถุนบ้านที่มีหญิงคลอดลูกอยู่ไฟ ถ้าเราจำได้ว่าเป็นใคร ให้เอาหอกซัดถูกกลางหลัง รุ่งเช้าตามไปดูที่บ้าน จะพบหอกที่ซัดติดกับกอว่าน ซึ่งเขาปลูกไว้ ข้อควรระวังสำหรับเราคือ อย่าทะเลาะกับผีโพงแล้วจะปลอดภัย ไม่งั้นจะโดนไม้คานแม่ม่ายขว้างข้าม หลังคาบ้านใครโดนจะหายนะตลอดไป

ผีโขมด เป็นตระกูลเดียวกับ ผีกระสือ ไม่ทำอันตรายใครนอกจากลวงให้คนเดินทางหลงผิด คิดว่ามีคนถือไฟเดินข้างหน้า พอเข้าใกล้ก็หาย ตามหลักวิทยาศาสตร์เขาว่า เป็นก๊าซ ที่เกิดจากการผุเน่าของพืชตามที่ชื้นแฉะจึงเห็นเป็นแสงวาวๆดังกล่าว

ผีกองกอย เป็นผีป่าที่มีตีนเดียว ที่เรียก กองกอย เพราะไปไหนด้วยอาการขาเขย่งเกงกอย ร้องเสียงจุ๊ๆ มักลอบดูดเลือดหัวแม่เท้าของคนเดินป่าที่นอนหลับในเวลากลางคืน ชอบนั่งมากกว่ายืน เพราะไม่มีสะบ้าหัวเข่าเป็นพันธุ์เดียวกับ ผีโป่งค่าง เพราะชอบดูดเลือดคนหลับเหมือนกัน รูปร่างเป็นค่าง แต่หางสั้น ริมฝีปากบนเชิดจนเห็นฟันข้างบนยื่นออกมา

ผีพราย เป็นผีที่คนเลี้ยงไว้ใช้งาน เป็นคนละชนิดกับ พรายน้ำ ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในน้ำ ผีกุมารทอง ก็มีหน้าที่เหมือนผีพราย ที่รับใช้คนเลี้ยง มีเครื่องเซ่นเป็นอามิสสินจ้าง เมื่อเสร็จงานแต่ละครั้ง

สำหรับต้นสังกัดของผีจริงๆ ก็คือ ท้าวกุเวร หนึ่งในจตุโลกบาลประจำทิศเหนือ เรียกง่าย ๆ ว่า ผีมีเจ้า ตุหยัก เป็นหนึ่งในสมาชิก มีหน้าที่ดุแลขุมทรัพย์ใต้ดิน คงทำนอง ผีปู่โสม

ส่วนผีไร้สังกัด ร่อนเร่ไร้ที่อยู่อาศัย ประเภทผีไร้ญาติ ที่เหลือก็มี ผีเปรต ผีทะเล ผีดิน ผีตายซาก ผีตายโหง เยอะแยะไปหมด ที่ไม่น่าคบหาสมาคมด้วย ก็คือ ผีบุญ ซึ่งไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ แล้วถือโอกาสกบฎ

มีคำเกี่ยวข้องกับบรรดาคุณผีๆ ทั้งหลายที่น่ารู้อยู่อีกคำนึงคือ ผีหลวง อันหมายถึง ทิศที่ถือว่า เป็นอัปมงคล เป็นที่โคจรของผีประจำทิศต่าง ๆ ในแต่ละวัน ความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยามของไทยนั้น ผีหลวง คือทิศทางตรงข้ามกับหลาวเหล็ก เช่นถ้าผีหลวงอยู่ทิศเหนือ หลาวเหล็กก็จะอยู่ทิศใต้ วันไหนทิศไหนเป็นทิศผีหลวง หรือหลาวเหล็ก ทิศนั้นก็เป็นทิศกาลกิณีของวันนั้น ต้องหลีกเลียเสียแล้ว ดูตามคาถาโบราณที่ท่านให้มาแล้วหลีกเลี่ยงกันเอาเองนะ
“ อาทิตย์ พายัพ กัณฐศวา จันทะ บูรพา อุสุภราโช
อังคาร อีสาน ราชสิงโห พุธ พยัคโฆ อุตตรนการัง
พฤหัส ทักษิณ จมหิงษนัง ศุกะระ มังษัง ปจิมเม
เสาร็ อาดเนยะ คชวรัง”
แปลเป็นไทยได้ความว่า
วันอาทิตย์ ผีหลวงเป็นม้า อยู่ทิศพายัพ
วันจันทร์ ผีหลวงเป็นวัว อยู่ทิศบูรพา
วันอังคาร ผีหลวงเป็นสิงห์ อยู่ทิศอีสาน
วันพุธ ผีหลวงเป็นเสือ อยู่ทิศอุดร
วันพฤหัส ผีหลวงเป็นควาย อยู่ทิศทักษิณ
วันศุกร์ ผีหลวงเป็นเนื้อ อยู่ทิศประจิม
วันเสาร์ ผีหลวงเป็นช้าง อยู่ทิศอาคเนย์

ที่มา:
http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=17&wpid=0050

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม