วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

คืนเปลี่ยวเรื่องผีๆ สางๆ

คืนเปลี่ยวเรื่องผีๆ สางๆ

สมัยวัยรุ่นผมอยู่วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทองน่ะ พวกเรายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าสังกัดบริษัทตาแหก กลางค่ำกลางคืนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ยอมออกจากบ้านเด็ดขาด

ยกเว้นแต่มีงานวัดถึงจะนัดกันไปเที่ยวเตร่ซักที!

บ้านผมมีวัดเยอะแยะเหลือเชื่อ แค่ล่องเรือไปตามลำแม่น้ำน้อยสายเดียวก็เจอะเจอเกิน 10 วัดแล้ว ใครคิดจะไปไหว้พระ 9 วัดในวันเดียวขอเชิญได้เลยครับ

อ้อ! นอกจากจะเป็นเมืองหน้าด่านแล้ว ชาวอ่างทองยังมีอารมณ์ขันเยอะครับ ถึงกับระบุบอกสรรพคุณของทุกๆ อำเภอเอาไว้ครบถ้วน แถมเกร็ดฝอยชวนขำกลิ้งอีกต่างหาก ไม่เชื่อก็ลองอ่านดูซีครับ

"ใครอยากมีเมียให้ไปป่าโมก
ใครอยากมีโชคให้ไปโพธิ์ทอง
ใครอยากมีน้องให้ไปไชโย
ใครอยากเป็นนักเลงโตให้ไปวิเศษชัยชาญ
ใครอยากเป็นสมภารให้ไปแสวงหา
ใครอยากกินผักกินปลาให้ไปสามโก้
ใครอยากคุยโม้ให้ไปอำเภอเมือง"

ไม่ต้องอธิบายรายละเอียดก็คิดว่าคงเข้าใจกันดีนะครับ ยกเว้นแต่ "อำเภอเมือง" ต้องบอกกล่าวนิดหน่อยเพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพ ว่าเขาคุยโม้กันชนิดฮาแตกปานใด

"บ้านข้าปลาชุมมาก ถ้าจะทอดแหต้องแหวกปลาเสียก่อน ถึงจะลงแหได้"
"เอาเกล็ดปลาตะเพียนเป็นกระเบื้องมุงหลังคา คิดซิว่าปลาตัวมหึมาปานใด"
เอาละครับ โหมโรงกันพอหอมปากหอมคอ ขืนติดลมมากกว่านี้เดี๋ยวก็ไม่ได้เล่าเรื่องขนหัวลุกกันพอดี!

คืนนั้นที่วัดใกล้บ้านมีหนังกลางแปลงในงานศพของตาเทียน ฐานะเศรษฐีประจำตำบล ชาวบ้านร้านช่องก็อุ้มลูกจูงหลานไปดูหนังกันคึ่กๆ หนุ่มสาวควงคู่จู๋จี๋กันน่าอิจฉา พวกไอ้หนุ่มตึงตัวก็เร่เข้าไปเกี้ยวพาราสี แทะโลมกันดื้อๆ ตามประสาลูกทุ่ง มีทั้งสำเร็จกับล้มเหลวเป็นของธรรมดา พวกรถเข็นแผงลอยขายของกินของเล่นติดไฟสว่างไสว

พอถึงเวลาฉายหนัง คนนั่งดูกันหัวดำ พวกหนุ่มๆ สาวๆ มักจะยืนอยู่ด้านนอก...แม้ว่าจะเป็นหนังบู๊ดุเดือดเลือดพล่าน สนุกสนานหายห่วง แต่พวกหนุ่มสาวกับวัยรุ่นไม่ค่อยสนใจ มัวแต่ขายขนมจีบกันเพลิดเพลินน่ะซีครับ

ผมกับเพื่อนๆ มีเจ้าแหวง เจ้าเบิ้ม เจ้าน้อย ยังหนุ่มไม่ตึงตัวเลยมองดูรุ่นพี่เขาอี๋อ๋อกันมั่ง ดูหนังมั่ง แหม! สองเรื่องเต็มๆ นั่นแน่ะ น้าบัติเล่นเป็นพระเอกเชิดชิ่งกับผู้ร้ายเป็นโขยง ลงท้ายเหล่าร้ายก็หมอบกระแตตามฟอร์ม

หนังจบ งานเลิก ผู้คนทยอยกันกลับบ้าน แต่บ้างก็ยังอ้อยอิ่งซื้อผัดไทย ซื้อขนมไปฝากทางบ้าน แต่พวกเราไม่สน...เดินออกหลังวัดที่มืดครึ้มด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พูดคุยกันถึงเรื่องหนังที่เพิ่งดูมาหยกๆ ครู่เดียวก็มองเห็นหลังคาบ้านอยู่ในแสงจันทร์ข้างแรมอยู่ไกลๆ

อ้าว? ใครกำลังเดินเหย่าๆ อยู่ข้างหน้า?

ผู้ชายผอมสูง ผมยาวปรกท้ายทอย นุ่งกางเกงขาก๊วย สวมเสื้อคอกลม...เราไม่สนใจอะไรหรอกครับ คิดว่าเป็นคนที่มาดูหนังแล้วกลับบ้านก่อนเราเท่านั้นเอง

เสียงยอดไม้ไหวซ่าอยู่เหนือหัว ตามด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากเบื้องหลัง หันไปดูแวบเดียวก็เห็นคนเดินตามมาเป็นกลุ่มใหญ่...จนกระทั่งผ่านมะม่วงป่าต้นใหญ่สะบัดใบเกรียวกราว ราวกับมีใครขึ้นไปขย่มอยู่ข้างบน ทำให้เราเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆ กัน แต่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดครึ้ม

ทางเดินคดเคี้ยวนิดหน่อย แม่ม่ายลองไนพร่ำเพรียกมาเข้าหู แต่จู่ๆ ก็หายเงียบไป

พวกเราชักจะเงียบเสียงลง ร่างผอมๆ ที่เดินนำหน้าก็คล้ายจะทอดน่องจนเราเดินใกล้เข้ามาทุกที...และแล้วแกก็หันขวับมามองเราพร้อมกับยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกจดใบหู

"ตาเทียน!!" เสียงเพื่อนๆ ร้องลั่น แต่ผมรู้สึกเลือดหายวูบไปจากใบหน้า ต้นคอเย็นเฉียบก่อนจะแล่นวาบไปตามไขสันหลัง จำได้ว่าพวกเราผงะหน้า ตาเหลือกลาน ร่างนั้นหันหน้ากลับ เดินเหย่าๆ จนหายลับไปต่อหน้าต่อตา...ไม่ขาดใจตายคาที่ก็เป็นบุญแล้วครับ! บรื๋อออ



ที่มา:
http://www.tlcthai.com/webboard...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม